ทำไมต้องเติมเซราไมด์ (Ceramide) ให้กับผิว ?

ผิวของคนเราโดยปกติแล้ว จะทำหน้าที่ปกป้องอวัยวะภายในไม่ให้ได้รับอันตราย จึงต้องมีความหนาและความยืดหยุ่นสูง นอกจากนี้ผิวยังมีหน้าที่ในการขับของเสียออกจากร่างกาย เช่น เหงื่อ รวมถึงช่วยระบายความร้อนอีกด้วย และถ้าหากถามว่าผิวบริเวณไหนที่คนเราให้ความสนใจหรือให้ความสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่ง คำตอบนั้นก็คงจะเป็น “ผิวหน้า” นั่นเอง

เนื้อหาสำคัญ

หากเกิดปัญหาขึ้นบนผิวหน้า จะส่งผลให้ขาดความมั่นใจ รวมถึงบุคลิกภาพที่ไม่ดีได้ ดังนั้นหากเราดูแลผิวหน้าให้ดูดีอยู่เสมอ ก็จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กลับคืนมาได้เช่นกันค่ะ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทครีมหรือเซรั่มที่มีส่วนผสมของสารบำรุงที่เป็นประโยชน์ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ผิวหน้ามีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถเข้าไปช่วยแก้ปัญหาบริเวณชั้นหนังกำพร้าอย่างตรงจุด


 

  • เซราไมด์คืออะไร

เซราไมด์ (Ceramide) คือสารจำพวกไขมัน ที่มีชื่อว่า สฟิงโกไลปิด (Sphingolipid) ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ (Cell Membrane) มีหน้าที่ในการปกป้องเซลล์จากสิ่งแปลกปลอมภายนอก

และยังมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ผิวหนังสามารถทำหน้าที่อุ้มน้ำ และรักษาระดับการซึมผ่านของน้ำในผิวหนัง โดยเซราไมด์จะพบได้ที่ชั้นหนังกำพร้าชั้นนอก (Stratum Corneum) ซึ่งเป็นบริเวณผิวชั้นบนสุดของหนังกำพร้า (Epidermis) โดยจะอยู่ติดกับเคราติน (Keratin) ของผิว


 

  • ความสำคัญของเซราไมด์

หน้าที่ของเซราไมด์ คือ จะเป็นตัวเชื่อมเคราตินให้เกิดการเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ช่วยให้ผิวแข็งแรง และ ลดการสูญเสียน้ำของผิวเซราไมด์สามารถที่จะช่วยปกป้องผิวให้แข็งแรง ลดการสูญเสียน้ำของผิว ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นและกระจ่างใสได้หน้าที่ที่สำคัญของเซราไมด์

  • เป็นตัวเชื่อมให้เคราตินของผิวชั้นบนเรียงตัวกันอย่างมีระเบียบ
  • ช่วยปกป้องให้ผิวแข็งแรง และป้องกันเชื้อโรคต่างๆเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง
  • ลดการสูญเสียน้ำของผิว ช่วยให้ผิวสามารถเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดี ทำให้ผิวชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง
  • ลดการสังเคราะห์เม็ดสีผิว ช่วยป้องกันการเกิด ฝ้า กระ และ จุดด่างดำ ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น

 


 

  • ประโยชน์ของเซราไมด์มีอะไรบ้าง

นอกจากนี้ประโยชน์ของเซราไมด์นั้นยังทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวพรรณดูกระจ่างใสขึ้นโดยธรรมชาติเซราไมด์จะค่อยๆมีปริมาณลดน้อยลง

เมื่อมีอายุมากขึ้น จึงเป็นผลให้สภาพผิวมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ผิวขาดเซราไมด์ คือ พันธุกรรมมีผิวแห้งแต่กำเนิด การสัมผัสกับแสงแดด

รวมถึงความเครียดก็เป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างเซราไมด์ลดลง หากผิวเกิดการขาดเซราไมด์ จะส่งผลให้ผิวแห้งแตกง่าย เกิดริ้วรอยตีนกา รอยเหี่ยวย่นได้ง่าย

อีกทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดจุดด่างดำ ฝ้าและกระ บนผิวขึ้นอีกด้วย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *